เป็นประเด็นที่หลายคนก็เลือกไม่ได้ว่าเราจะใช้อะไรดีระหว่าง เว็บไซต์ส่วนตัว กับ Facebook.com ยิ่งปัจจุบัน Facebook เป็นที่นิยมจนติดลมบนเรียบร้อยแล้ว หลายคนก็เลยเฮโลเลือก Facebook โดยที่ต่อมาถึงรู้ว่า “เราตัดสินใจเร็วไป” ก็มี ^^’
Facebook คืออะไร?
อันที่จริง Facebook.com ก็คือเว็บไซต์เหมือนกับเว็บไซต์ทั่วไป แต่เป็นเว็บไซต์ของ Mark Zuckerberg (มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก) คราวนี้ให้นึกภาพว่าระหว่างเว็บไซต์ของ Mark Zuckerberg ที่ชื่อว่า Facebook.com กับ เว็บไซต์ส่วนตัว ของเรา หรือ ของบริษัทเรา เราจะเลือกแบบไหนมาใช้งานดี?
เว็บไซต์ส่วนตัว คืออะไร?
เป็นเว็บไซต์ที่เราสร้างขึ้นมาไว้ใช้เอง สามารถสร้างได้ตามความสามารถของเรา + ต้นทุนที่เรามี
เวลาในการสร้าง
Facebook – เราสามารถเลือกใช้ Facebook มาทำเป็นหน้าเว็บได้ง่ายๆ เพราะเราคุ้นเคยอยู่แล้ว แทบไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่เลย ใช้เวลาทำเร็วมากๆ คนทั่วๆ ไปก็สามารถสร้างได้แบบไม่ยากเย็นภายใน 1 วัน ส่วนมืออาชีพ เข้าไปตั้งค่าใส่ข้อมูลไม่เกิน 1 ชั่วโมงนี่สวยกริ๊ปเลย
เว็บไซต์ส่วนตัว – ถ้าข้อมูลพร้อมและเป็นเว็บไซต์ธุรกิจทั่วๆ ไป ผมคิดว่า 1 – 2 วันก็น่าจะเรียบร้อยเพราะทุกวันนี้เครื่องมือในการสร้างเว็บไซต์ก็พัฒนาไปมาก แต่ถ้าเป็นคนที่ทำบ่อยๆ 3 – 4 ชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อยเหมือนกัน
การจัดการเนื้อหา
Facebook – ง่าย แต่ออกแบบอะไรแทบไม่ได้เลย Template ก็ไม่มีให้ใช้ ผมว่ามันคือ blog แบบโบร่ำโบราณเป๊ะ.. แย่กว่านั้นคือ ใส่รูปภาพหรือวีดีโอแทรกระหว่างเนื้อหายังไม่ได้เลย ได้แค่ตัวหนังสือกับรูปภาพ แต่ก็มีลูกเล่น #hashtag มาให้เล่นเพราะเป็นเว็บใหญ่ แต่ที่โหดร้ายกว่านั้น และหลายคนน่าจะโดนมาแล้วคือ ปิดกั้น เนื้อหาเก่งครับ
เว็บไซต์ส่วนตัว – เราสามารถบริหารจัดการเนื้อหาได้หมดทุกประเภท และไม่ต้องมีใครมา ปิดกั้น เนื้อหา แต่ถ้าเนื้อหาของเราผิดกฎหมายเราต้องรับผิดชอบเอง
การโต้ตอบ – Engagement
Facebook การมีปฏิสัมพันธ์ หรือ Engagement คือ จุดขายอันดับแรกๆ ของ Facebook ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น สังคมออนไลน์ (Social) กด Like กด Share กด ???? กันสนุกสนาน ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน และรู้ถึงอารมณ์ร่วมของผู้เข้าชมได้ทันที
เว็บไซต์ส่วนตัว – การมีปฏิสัมพันธ์ หรือ Engagement แบบ Facebook จะไม่ค่อยนิยมทำกันยกเว้นเว็บไซต์แนวๆ เว็บบอร์ดหรือฟอรั่ม พูดคุย แต่ถ้าคนที่ใช้เว็บไซต์เพื่อวัดค่า Engagement มักจะเป็นนักการตลาดที่มีเทคนิคระดับสูง และ ต้องใช้ Analytics ที่ละเอียดกว่าของ Facebook เช่น Google Analytics เพื่อที่จะสร้าง Campaign, Goals ให้เหมาะสมกับแผนงาน ซึ่งฝั่งของ Facebook จะเป็นแบบพร้อมใช้และก็ใช้ง่ายด้วย แต่ไม่ละเอียดเท่า เว็บไซต์ + Google Analytics
สถิติ – Analytics
Facebook – จะมีสถิติแบบสำเร็จรูป ดูง่าย แต่ไม่ละเอียด
เว็บไซต์ส่วนตัว – ส่วนใหญ่นิยมติด Google Analytics กันครับ เป็นสถิติที่ละเอียดแทบจะครบทุกด้าน และที่สำคัญมีแบบ Real Time มาให้นั่งดูด้วย ถ้าคนเข้าเว็บเยอะๆ นี่สนุกตื่นเต้นกว่า Facebook มาก
การเข้าถึง ผู้ชม – Audience
Facebook – สามารถเข้าถึงเพื่อนๆ รวมทั้งสมาชิกที่ไม่ใช่เพื่อนของเรา แต่อยู่ในเว็บไซต์ Facebook.com ได้อย่างสะดวก (แต่บางทีก็ลำบากมากกกกก ..ปิดกันอีกแล้ว .. ..ต้องเสียตังค์บูสโพส ถึงจะง่าย)
เว็บไซต์ส่วนตัว – สามารถเอาเว็บไซต์ของเราไปแชร์ใน Social Online ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube, Twitter, LINE, TikTok ฯลฯ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ผู้เข้าชมจะมาจาก Google Search (SEO) มากที่สุด (อันนี้เว็บเราต้องมีเนื้อหาที่ดีด้วยนะ ++วางโครงสร้างเนื้อหาดีๆ จะช่วยอีกแรง)
SEO
Facebook – ทำ SEO ได้นะครับ แต่ตั้งค่าอะไรไม่ค่อยได้ แต่ Keyword ง่ายๆ ก็พาเหรดกันเข้าหน้าแรกเป็นแถว ส่วนถ้าเป็นระยะยาวโดนเว็บไซต์แซงขึ้นหมดครับ และที่สำคัญ ยิ่งนานไปคนเข้าชมบทความเก่าๆ ยิ่งหาย ถ้าเลิกโพสเมื่อไหร แทบจะกลายเป็น account ร้าง
เว็บไซต์ส่วนตัว – สามารถทำ SEO ได้เต็มรูปแบบ ยิ่งโพสบทความมากเท่าไหร ผู้เข้าชมจะมาจาก Google Search (SEO) มากขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับ Facebook ที่โพสแล้วหาย
โฆษณา – PPC
Facebook – ถ้าใครมีแผนจะลงโฆษณา Google Ads อย่าใช้ Facebook มาลง เพราะจะทำให้ต้นทุนค่าคลิ๊กสูงจนงบหมด Facebook ไม่เหมาะที่จะเอามาลงโฆษณากับ Google Ads นอกจากว่ามีทุนเยอะและพร้อมเปย์ (ใช้ Facebook Fanpage ยิง Google Ads ดีมั๊ย?)
เว็บไซต์ส่วนตัว – เหมาะมากกับการทำหน้า Landing Page สำหรับการลงโฆษณากับ Google Ads และโฆษณาประเภทอื่นๆ เพราะเราสามารถออกแบบให้สอดคล้องกับแผนเราได้ทุกอย่าง
สรุป
ถ้าเป็นงานเร่งด่วน หรือไม่ได้ซับซ้อนมาก สามารถใช้ Facebook สร้างได้เลย แต่ยังไงผมก็แนะนำเว็บไซต์ดีกว่าเพราะถ้าคล่องแล้วเว็บไซต์ติดตั้งได้ง่าย ลงข้อมูลง่ายมากๆ คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปมากกว่า Facebook แล้วค่อยใช้ Facebook เป็นช่องทางเหมือนกับ Twitter, Instagram, YouTube, TikTok ส่วนในระยะยาวทำเว็บไซต์ส่วนตัวดีกว่าแน่ๆ โดยเฉพาะคนเข้าเว็บจากการค้นหาจาก Google ส่วน Facebook เราก็ใช้ตามปกติเอามาสนับสนุนเว็บไซต์อีกที